วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

น้ำพริกกะปิ+ปลาทูทอด




ส่วนผสม
* ปลาทู 2 ตัว
* กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
* กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
* หอมแดงปอกเปลือก 3 ลูก
* กระเทียมปอกเปลือก 3 ลูก
* พริก 10 - 15 เม็ด (ปรับเพิ่ม/ลดตามต้องการ)
* น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
* ผักสด หรือ ผักนึ่ง (กะหล่ำปลี, แตงกวา, ผักกาดขาว, มะเขือเทศ, ถั่วฝักยาว, อื่นๆ)
* ชะอม 1 กำ (ทำไข่เจียวชะอม, จะไม่มีก็ได้)
* ไข่ไก่ 3 ฟอง (ใช้สำหรับทำไข่เจียวชะอม)

วิธีทำ
1. ใส่น้ำมันลงในกระทะและนำไปตั้งไฟร้อนปานกลาง นำปลาูทูลงไปทอดจนเหลืองและสุก จึงนำออกมาสะเด็ดน้ำมัน
2. ใส่หอมแดง, พริก, กระเทียมลงในครก (หรือเครื่องปั่นอเนกประสงค์) โขลกจนกระทั่งเข้ากันดี
3. เติมกุ้งแห้ง, กะปิ, น้ำปลา, น้ำมะนาวและน้ำตาล โขลก (หรือปั่น) จนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี
4. ตักใส่ถ้วยน้ำพริก เสริฟพร้อมปลาทูทอดและผักสด (หรือผักนึ่ง) นอกจากนั้นไข่เจียวชะอมก็ยังนิยมเสริฟรับประทานพร้อมกับน้ำพริกกะปิด้วย

วิธีทำไข่เจียวชะอม
1. ล้างชะอมให้สะอาดและเด็ดเอาใบอ่อนออกมา หั่นให้มีขนาดยาวประมาณ 1 นิ้ว
2. นำไข่ไก่ไปตอกและใส่ในชาม คนให้ไข่แดงและไข่ขาวเข้ากัน จากนั้นจึงเติมชะอมที่หั่นไว้แล้ว คนต่ออีกครั้งจนไข่และชะอมผสมกันดี
3. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟปานกลาง ใส่ไข่และชะอมลงไปทอด รอจนกระทั่งสุกเหลืองดี จึงปิดไฟและนำออกมาสะเด็ดน้ำมัน หั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ จัดใส่จานและเสริฟทานกับน้ำพริก



    



      หน้าร้อนปีนี้ร้อนมหาโหดสุด ๆ จนอุณหภูมิทะลุ 40 องศา ถึงฤดูกาลนี้ผลไม้ไทยนานาชนิดต่างก็หลั่งไหลออกสู่ตลาด แต่บางอย่างพอติดดอกเจอแดดเปรี้ยงก็ร่วงโรยแทบไม่ติดลูก อย่างมะม่วงปีนี้ ไม่ดกอย่างที่คิด มองไปตามบ้านตามสวนทั่วไปก็มีให้เห็นประปราย ออกไปเดินตลาดแถวบ้านเห็นมะม่วงแก้วลูกป้อม ๆ กลม ๆ แก่จัดกำลังดีกองอยู่ในกระบุงก็ดีใจ เพราะนึกขึ้นได้ว่า ไม่ได้ตำน้ำพริกมะม่วงมานานแล้ว…..เลยคิดอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากที่เคยกิน แต่น้ำพริกกะปิแบบเดิม ๆ มาใส่มะม่วงสับรสแซบบ้าง แค่นึกก็น้ำลายสอแล้ว นี่ถ้าทอดปลาทูซักตัวสองตัว ลวกผักซักหน่อย กินกับแกงสัมร้อน ๆ ก็กลายเป็นเมนูน้ำพริกดับร้อน แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ ความจริงน้ำพริกกะปิเป็นพื้นฐานของน้ำพริกมะม่วง มะดัน มะอึก ตะลิงปลิง หรือมะเขือพวง เป็นน้ำพริกที่ปรุงยาก ตำไม่ดีก็เค็มเกินไป บางคนใส่น้ำผสมจนโจ๋งเจ๋ง เวลาเอาผักจิ้มก็หลุดเนื้อหลุดหนัง พาลเสียอารมณ์ทำให้กินน้ำพริกไม่อร่อย

                   น้ำพริกกะปิที่อร่อยขึ้นอยู่กับคุณภาพของ “กะปิ” ต้องเป็นกะปิที่ทำจากกุ้งเคยแท้ ๆ ตัวเล็ก ๆ ผู้เขียนโชคดีที่ยายกับแม่สอนวิธีเลือกซื้อกะปิ ที่สำคัญคือ อย่างก ว่าแพง เวลาซื้อให้แตะชิมดู กะปิที่อร่อยต้องออกเค็ม ๆ หวานนิด ๆ ยายเป็นคนที่ตำน้ำพริกกะปิได้อร่อยที่สุดในโลก น้ำพริกยายจะหอมผิวมะนาว ตอนเด็ก ๆ เวลาตำน้ำพริกเสร็จยายจะเอาข้าวคลุกครก แล้วเอามือขยำปั้นเป็นคำ ๆ  ป้อนพวกเรา(นั่งอ้าปากรอ…) ซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนรอคอย….เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ ขึ้นชื่อว่าน้ำพริกต้องใส่พริก กระเทียมเยอะ ๆ และกะปิกับน้ำตาลปี๊บต้องใส่ในปริมาณเท่ากัน ข้อสำคัญต้องออก “เปรี้ยวนำ” ฉะนั้นน้ำพริกกะปิของยายจึงเปลืองมะนาวที่สุด แต่ก็อร่อยที่สุด…                               
                  มาเตรียมวัตถุดิบกันดีกว่า เริ่มจาก พริกขี้หนู 1 หยิบมือ กระเทียมกลีบใหญ่ 4-5 กลีบ กะปิ 1 ชต.กุ้งแห้ง 1 หยิบมือ น้ำตาลปี๊บ 1 ชต. มะนาว 3 ลูก มะม่วงแก้วดิบสับ 1 ลูก  ผู้เขียนอยากจะบอกว่า เทคนิคการทำกับข้าวบางครั้งไม่ต้องการปริมาณ หรือชั่ง ตวงวัดชนิดตายตัว โดยเฉพาะผู้ที่มีทักษะประสบการณ์อยู่แล้ว สำหรับพ่อครัวแม่ครัวมือใหม่กะประมาณได้แต่ให้เริ่มจากน้อย ๆ ก่อนอย่าทำมาก
        
                วิธีทำ ตำกุ้งแห้งให้ละเอียดพักไว้ แล้วโขลกพริกกระเทียมพอแหลกใส่กุ้งแห้งให้เข้ากัน ใส่กะปิ น้ำตาลปี๊บ โขลกพอให้เป็นเนื้อเดียวกัน อย่าละเอียดมากจะไม่อร่อย เสร็จแล้วบีบมะนาวใส่มะม่วงสับโขลกเบา ๆ ให้เข้ากันอีกครั้งก็เป็นอันตำเสร็จ ขอบอกว่า ลองให้คนที่บ้านชิมดูรับรองว่า เมนูนี้จะกลายเป็นน้ำพริกถ้วยโปรด ลืมน้ำพริกถ้วยเก่าไปเลยล่ะ 

                  พูดถึงประโยชน์ของน้ำพริกถ้วยนี้ กะปิให้โซเดียม โปรเตสเซียม และไอโอดีน มีกรดโปรตีน แคลเซียมสูง กระเทียมก็มีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้เซลล์แข็งแรง มีสารแอนตี้เซปติกช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดไขมันในเลือด ส่วนกุ้งแห้งก็มีแคลเซียมสูง นอกจากนี้ยังได้วิตามินและเกลือแร่จากผักจิ้มต่าง ๆ อีกด้วย มื้อนี้ก็เผ็ด ๆ แซบ ๆ ดี ขอให้มีเสน่ห์ปลายจวักกันทุกคนนะคะ…       






  ที่มา  http://ta12345.ning.com/profiles/blogs/6190386:BlogPost:14025

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น